วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554
การสื่อสารของสุนัข
สุนัขทั่วไปคือนักสื่อสารที่ดีเยี่ยม แต่ส่วนมากของการสื่อสารคือไม่มีเสียงนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่เกิดขึ้นของ มีหลายวิธีที่สามารถ classed เป็นการติดต่อสื่อสารซึ่งอาจจะมีของมีดังต่อไปนี้ : -- กลิ่น -- ดมกลิ่น : ต่างจากสุนัขที่มนุษย์ไม่เหงื่อผ่านผิวหนังของพวกเขา แต่พวกเขาและสามารถทำผ่าน paws เหงื่อของพวกเขา ซึ่งจะมีประโยชน์กับสุนัขอื่น ๆ ที่ตามมาเป็นที่ออกจากข้อความที่อยู่เบื้องหลังทุกครั้งที่สัมผัสลูบคลำพื้นดินสีขาวเคลือบที่สวยงามและเขียวชอุ่มของ Bichon Frise เป็นส่วนหนึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนที่สายพันธุ์นี้ ซึ่งสายพันธุ์นี้โดยธรรมชาติแล้วเป็นกันเองและร่าเริงเท่านั้นเพิ่มเข้าไปในเสน่ห์ของมัน อย่าหวังว่าสุนัขตัวนี้จะมีความสุขเมื่อคุณไม่สามารถเก็บเสื้อสีขาวและทำความสะอาด กรูมมิ่ง Bichon Frise ไม่ได้จะต้องดำเนินการเบา ๆ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554
วิธีการทำสบู่ ใช้เองง่ายๆ
วันนี้หนูดี มีวิธีการทำสบู่มาบอก ถ้าใครสนใจจะนำไปทำงานหรือเอาไปทดสอบทำดูก็ได้นะคะ . . .
เป็น ที่ทราบกันดีว่าสบู่ช่วยเยียวยารักษาความบริสุทธิ์ให้ตัวตน และสิ่ง อื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี ความสะอาดช่วยคุ้มครองการแพร่ระบาดของเชื้อโรค การทำสบู่ใช้เองภายในบ้านสามารถทำได้โดยอาศัยส่วนประกอบที่สำคัญคือ ไขและด่าง
วิธีการทำสบู่ มีอยู่ 2 วิธีคือ
วิธีการที่ 1 ใช้น้ำด่างบรรลุเป้าหมายรูปในร้านค้าปลีก หากสามารถหาซื้อน้ำด่าง สำเร็จรูปได้ง่ายในท้องตลาด.
วิธีการที่ 2 ใช้น้ำด่างจากการชะล้างขี้เถ้า วิธีนี้ได้แบบอย่างมาจากผู้เคลื่อนย้ายไปตั้งถิ่นฐานในทวีปประเทศสหรัฐ อเมริกาเหนือรุ่นแรก ๆ
องค์ประกอบของสบู่
ไขมัน และน้ำมัน อาจเป็นไขสัตว์หรือน้ำมันเชื้อเพลิงพืชก็ได้ แต่น้ำมันจากแร่ธาตุใช้ไม่ได้ ไขมันสัตว์ เช่น ไขวัว กระบือ น้ำมันหมู ฯลฯ ไขมัน พืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก ข้าวโพด เมล็ดฝ้าย ถั่วเหลือง ถั่วลิสง และน้ำมันละหุ่ง ฯลฯน้ำ ด่าง น้ำด่างสำเร็จรูปที่ขายในท้องตลาดเรียกว่า โซดาไฟ หรือผลึกโซดา หรือผลึกโซเดียมไฮดรอกไซด์ ราคาถูกมีขายทั่วไป หรือน้ำ ด่างที่ได้จากการชะล้างขี้เถ้าเรียกว่า โพแทช. .
บอแร็กซ์ สารบอแร็กซ์นี้ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ แต่สารนี้ช่วยให้ สบู่มีสีสันเป็นระเบียบและทำให้เกิดฟองมาก มีจำหน่ายตามร้านขายยา หรือร้านขายของชำ มีชื่อเรียกว่า ผงกรอบ หรือผงนิ่ม ส่วนใหญ่บรรจุในถุง พลาสติก
น้ำ หอม เสาวธารก็ไม่จำเป็นต้องใช้เช่นกัน แต่ถ้าใช้จะทำให้สบู่ มีกลิ่นดีขึ้น ถ้าไขมันที่ใช้ทำสบู่นั้นเหม็นอับ ใช้น้ำลูกมะนาวหรือน้ำมะกรูดปน จะช่วยให้กลิ่นหอมยิ่งขึ้นและไม่เน่า. . . . . . . . . . . . . . .
น้ำ น้ำที่ใช้ทำสบู่ได้ดีต้องเป็นน้ำอ่อน ถ้าเป็นน้ำกระด้างจะทำ ให้สบู่ไม่เกิดฟอง จึงขจัดความสกปรกไม่ได้ ควรทำให้น้ำนั้นหายกระด้าง เสียก่อน โดยเติมด่างประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ (15 มิลลิลิตร) ต่อน้ำกระด้าง 1 แกลลอน (3.8 ลิตร) คนให้เข้ากัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 3-4 วัน จึงเท เอาส่วนบนออกมา ส่วนน้ำและตะกอนที่ก้นที่เททิ้งไปได้ น้ำที่เหมาะ ในการทำสบู่มากที่สุดคือน้ำฝน
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เป็น ที่ทราบกันดีว่าสบู่ช่วยเยียวยารักษาความบริสุทธิ์ให้ตัวตน และสิ่ง อื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี ความสะอาดช่วยคุ้มครองการแพร่ระบาดของเชื้อโรค การทำสบู่ใช้เองภายในบ้านสามารถทำได้โดยอาศัยส่วนประกอบที่สำคัญคือ ไขและด่าง
วิธีการทำสบู่ มีอยู่ 2 วิธีคือ
วิธีการที่ 1 ใช้น้ำด่างบรรลุเป้าหมายรูปในร้านค้าปลีก หากสามารถหาซื้อน้ำด่าง สำเร็จรูปได้ง่ายในท้องตลาด.
วิธีการที่ 2 ใช้น้ำด่างจากการชะล้างขี้เถ้า วิธีนี้ได้แบบอย่างมาจากผู้เคลื่อนย้ายไปตั้งถิ่นฐานในทวีปประเทศสหรัฐ อเมริกาเหนือรุ่นแรก ๆ
องค์ประกอบของสบู่
ไขมัน และน้ำมัน อาจเป็นไขสัตว์หรือน้ำมันเชื้อเพลิงพืชก็ได้ แต่น้ำมันจากแร่ธาตุใช้ไม่ได้ ไขมันสัตว์ เช่น ไขวัว กระบือ น้ำมันหมู ฯลฯ ไขมัน พืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก ข้าวโพด เมล็ดฝ้าย ถั่วเหลือง ถั่วลิสง และน้ำมันละหุ่ง ฯลฯน้ำ ด่าง น้ำด่างสำเร็จรูปที่ขายในท้องตลาดเรียกว่า โซดาไฟ หรือผลึกโซดา หรือผลึกโซเดียมไฮดรอกไซด์ ราคาถูกมีขายทั่วไป หรือน้ำ ด่างที่ได้จากการชะล้างขี้เถ้าเรียกว่า โพแทช. .
บอแร็กซ์ สารบอแร็กซ์นี้ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ แต่สารนี้ช่วยให้ สบู่มีสีสันเป็นระเบียบและทำให้เกิดฟองมาก มีจำหน่ายตามร้านขายยา หรือร้านขายของชำ มีชื่อเรียกว่า ผงกรอบ หรือผงนิ่ม ส่วนใหญ่บรรจุในถุง พลาสติก
น้ำ หอม เสาวธารก็ไม่จำเป็นต้องใช้เช่นกัน แต่ถ้าใช้จะทำให้สบู่ มีกลิ่นดีขึ้น ถ้าไขมันที่ใช้ทำสบู่นั้นเหม็นอับ ใช้น้ำลูกมะนาวหรือน้ำมะกรูดปน จะช่วยให้กลิ่นหอมยิ่งขึ้นและไม่เน่า. . . . . . . . . . . . . . .
น้ำ น้ำที่ใช้ทำสบู่ได้ดีต้องเป็นน้ำอ่อน ถ้าเป็นน้ำกระด้างจะทำ ให้สบู่ไม่เกิดฟอง จึงขจัดความสกปรกไม่ได้ ควรทำให้น้ำนั้นหายกระด้าง เสียก่อน โดยเติมด่างประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ (15 มิลลิลิตร) ต่อน้ำกระด้าง 1 แกลลอน (3.8 ลิตร) คนให้เข้ากัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 3-4 วัน จึงเท เอาส่วนบนออกมา ส่วนน้ำและตะกอนที่ก้นที่เททิ้งไปได้ น้ำที่เหมาะ ในการทำสบู่มากที่สุดคือน้ำฝน
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554
Pawn shop good service
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาพอดีว่าจะไปไถ่ สร้อยทอง2สลึง ที่เคยจำนำไว้ที่ สถานธนานุบาล ซะหน่อย แต่แว้ปไปเห็นธำมรงค์ทองเค อยู่วงนึงขนาด 2 สลึง ก็เลยขอดูกับทางสถานธนานุบาล ก็บอกว่าเจ้าของบอกว่าเป็น ของหลุดจำนำ ที่ลูกค้าเลยระยะเวลากำหนดไถ่มาหลายอาทิตย์แล้ว ก็เลยนำมาตั้งขาย ซึ่งถ้าดูกันตามราคาตลาดแล้ว ถือว่าราคาแหวนวงนี้ค่อนข้างคุ้มมากทีเดียว และดูจะเป็นของเก่าแก่หายากซะด้วย ก็เลยคิดชั่งใจอยู่ซักพัก ก็เลยตัดสินใจไม่ไถ่ทองแล้ว เอาเก็บไว้ก่อนวันหลังค่อยมาไถ่ อิอิ ก็เลยซื้อแหวนทองเควงนี้แทน พอลองใส่ดูก็กะทัดรัดกับนิ้วนางข้างขวาพอดี นอกจากแหวนทองเควงนี้แล้วที่โรงรับจำนำยังมี สินค้าพวกเครื่องประดับที่หลุดจำนำอีกมากมายที่น่าสนใจเพื่อนๆลองไปดูกันได้ นะครับ อาจจะเจอของที่ถูกใจได้ในราคาถูกๆด้วย
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ระบบป้องกันปลวกให้ดียิ่งๆขึ้น
ระบบอัจฉริยะยุคใหม่ เพื่อกำจัดและป้องกัน ปลวกใต้ดิน ที่ต้นตอ เน้นการควบคุมป้องกันปลวก ใต้ดินตามระบบการจัดการแมลงแบบบูรณาการ IPM ( Integrated Pest Management ) โดยระบบการควบคุม KiiS (KeepTracking Inteligent Injection System) สมองกล Micro-Processor คำนวณปริมาณจ่ายเคมี ทำการเปิดและปิดวาล์วจ่าย จับเวลาการฉีดอัตโนมัติ อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่งผลให้ เคมีแทรกซอน ครอบคลุมพื้นที่ใต้อาคารได้อย่างทั่วถึง มีประสิทธิภาพ และ ขีดความปลอดภัยสูง ตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งระบบการจัดเก็บข้อมูล ขณะปฏิบัติงานจริงทั้งหมด ใน Smart Card รวมถึงบริการอัดฉีดเคมีในรูป โฟม-มู๊ส เคลือบ ช่องโพรง (KINGFOAM Cavity Treatment) โดยใช้อุปกรณ์พิเศษฉีดอัดเคมี โฟม-มู๊ส เคลือบเฉพาะชั้นล่างช่องโพรง ตาม ปล่องหุ้มท่อน้ำทิ้ง เสาโพรง ช่องว่างระหว่างกำแพงสองชั้น
พัฒนาระบบป้องกันปลวกให้ดียิ่งๆ ขึ้น จนสำเร็จเป็นระบบการทำงาน ติดตาม ประเมินผลแบบครบวงจร คือระบบป้องกันปลวกอัจฉริยะ KiiS โดยใช้บัตรสมาร์ทการ์ด เก็บข้อมูลขณะปฏิบัติงานจริง ทุกขั้นตอน และยังได้จดสิทธิบัตรไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นคำที่ย่อมาจากคำศัพท์ที่ใช้อธิบายคุณสมบัติของระบบป้องกันปลวกอัจฉริยะ นี้ Keep Tracking ความสามารถในการติดตาม ประเมินและบันทึกผลการปฏิบัติงาน ทั้งระบบครบวงจร ในเวลาจริงขณะปฏิบัติงานแบบ Real -Time Intelligent Injection System คือระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมการฉีดเคมีอย่างแม่นยำ เต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยอัตโนมัติ ทำการคำนวณ สั่งการ บันทึก และ ควบคุมการปฏิบัติงาน ทุกขั้นตอน โดยรายงานผลส่งตรงเข้าศูนย์คอมพิวเตอร์ของบริษัทฯ . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
พัฒนาระบบป้องกันปลวกให้ดียิ่งๆ ขึ้น จนสำเร็จเป็นระบบการทำงาน ติดตาม ประเมินผลแบบครบวงจร คือระบบป้องกันปลวกอัจฉริยะ KiiS โดยใช้บัตรสมาร์ทการ์ด เก็บข้อมูลขณะปฏิบัติงานจริง ทุกขั้นตอน และยังได้จดสิทธิบัตรไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นคำที่ย่อมาจากคำศัพท์ที่ใช้อธิบายคุณสมบัติของระบบป้องกันปลวกอัจฉริยะ นี้ Keep Tracking ความสามารถในการติดตาม ประเมินและบันทึกผลการปฏิบัติงาน ทั้งระบบครบวงจร ในเวลาจริงขณะปฏิบัติงานแบบ Real -Time Intelligent Injection System คือระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมการฉีดเคมีอย่างแม่นยำ เต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยอัตโนมัติ ทำการคำนวณ สั่งการ บันทึก และ ควบคุมการปฏิบัติงาน ทุกขั้นตอน โดยรายงานผลส่งตรงเข้าศูนย์คอมพิวเตอร์ของบริษัทฯ . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554
A whole day exploring Paris
So my first full day of exploring Paris and I had a lot of stuff planned. The first thing was to head to the Sorbonne university to talk to admissions. I had the breakfast buffet in the hostel and got on the métro towards la Sorbonne. I had emailed a lady in the admissions office last week and she told me I could come in to talk. When I got to the front door a guard stopped me and almost wouldn’t let me in. I had to basically prove I had an appointment and he finally let me go as long as I put my camera away (must’ve thought I was just a tourist). .
It’s a pretty big university and pretty old too (opened in 1253). After I found the right stair case and the right floor I walked into a small office with about five people working at desks. I approached the closest woman and asked if she spoke English. With something as important as college info I wanted to make sure I understood. Nope, no English. I looked around the room hopefully, but no one else spoke English either. I decided to try in French and one of the women in the back heard what I needed and ushered me to sit down with her. The meeting wasn’t too long and luckily I understood her fine. She gave me a lot of information and all I have to do is just apply to the US department of la Sorbonne and send my transcripts to them, which will be a lot easier.
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554
Abidjan was in the forefront
Abidjan was in the forefront of African fashion de- sign in 1969, and Seydou found great success in the city, designing clothing for many of Abidjan’s wealthy and in- fluential women. Seydou then spent seven years in Paris beginning in 1972, where he studied European couture. He met other African artists and designers in Paris, with whom he organized the Fédération Africaine de Prêt à Porter (African Federation of Ready-to-Wear Designers), an association that seeks to promote African designers on the international market. Seydou was also one of the three founders of the Fédération Internationale de la Mode Africaine (International Federation of African Fashion), which continues to provide an important forum for African designers. Seydou found that his work appealed to African women who sought clothes made in “la mode occidentale” (Western style), and that European women appreciated his “exoticism” (Seydou; and “Chris Seydou: Le roman d’une vie,” p. 34). As Seydou explained, these women did not buy his work because he was African, but because he “brought an African sensibility” to his designs (Seydou 1993). Seydou returned to his country of birth in 1990. He came to Bamako in search of “the authors, the origins” of “the real African traditions” (Seydou 1993). He was particularly interested in bogolan or bogolanfini, a cot- ton textile traditionally made for ritual functions in rural Mali, and known as mudcloth in North American mar- kets. Seydou had begun to use the cloth while he was working in Paris in 1975–1976. He described his return to Paris in 1973 or 1974 after a visit home and finding in his suitcase several pieces of bogolan he had received as gifts. He was already familiar with the material from his childhood in Kati, but there he had associated it with hunters and local ritual practices rather than with his own interest in fashion. In unfamiliar Paris the familiar cloth was transformed into a souvenir—a reminder of the place and the people of home (Seydou 1993).Abidjan was in the forefront of African fashion de- sign in 1969, and Seydou found great success in the city, designing clothing for many of Abidjan’s wealthy and in- fluential women. Seydou then spent seven years in Paris beginning in 1972, where he studied European couture. He met other African artists and designers in Paris, with whom he organized the Fédération Africaine de Prêt à Porter (African Federation of Ready-to-Wear Designers), an association that seeks to promote African designers on the international market. Seydou was also one of the three founders of the Fédération Internationale de la Mode Africaine (International Federation of African Fashion), which continues to provide an important forum for African designers. Seydou found that his work appealed to African women who sought clothes made in “la mode occidentale” (Western style), and that European women appreciated his “exoticism” (Seydou; and “Chris Seydou: Le roman d’une vie,” p. 34). As Seydou explained, these women did not buy his work because he was African, but because he “brought an African sensibility” to his designs (Seydou 1993). Seydou returned to his country of birth in 1990. He came to Bamako in search of “the authors, the origins” of “the real African traditions” (Seydou 1993). He was particularly interested in bogolan or bogolanfini, a cot- ton textile traditionally made for ritual functions in rural Mali, and known as mudcloth in North American mar- kets. Seydou had begun to use the cloth while he was working in Paris in 1975–1976. He described his return to Paris in 1973 or 1974 after a visit home and finding in his suitcase several pieces of bogolan he had received as gifts. He was already familiar with the material from his childhood in Kati, but there he had associated it with hunters and local ritual practices rather than with his own interest in fashion. In unfamiliar Paris the familiar cloth was transformed into a souvenir—a reminder of the place and the people of home (Seydou 1993). . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554
Wearing vintage has become
Retailers such as Selfridges, TopShop, and Jigsaw in London, A.P.C. in France, and Barneys and Henri Bendel in New York have all picked up on the trend, incor- porating vintage offers or vintage-inspired collections into their ranges. Wearing vintage has become a distinguish- ing marker of cultural and economic capital it’s unique, it’s expensive, and so onthat privileges the individual. More than money, it is free time that is required to in- vest in the laborious process of seeking, finding, repair- ing, and selling old clothing. In the latter half of the twentieth century and beyond, that free time was avail- able predominantly to those who were wealthy or who were engaged in work that was flexiblprincipally, therefore, creative. Because the vintage garment is unique, it also suggests that the wearer is individual, separate from the increasingly and obviously shallow process of fashion. Interestingly, many Hollywood celebrities have em- braced vintage principally because it is outside fashion suggestive either of anticonsumerist philosophy or of individual choice. Actresses allied with independent cin- ema such as Chloë Sevigny appear to have adopted the “trash” aesthetic to distinguish themselves from main- stream fashion. Sevigny’s protégé designers Imitation of Christ are proponents of an anticorporate philosophy not dissimilar to Westwood’s in the early 1970s. On the other hand, Nicole Kidman, one of the most prominent wear- ers of vintage in contemporary Hollywood, tends to pur- chase from retailers who position their stock as antique—timeless and culturally valuable—highlighting her sense of personal, individual style, which is suppos- edly sincere, authentic, and equally as timeless as the clothing she prefers.. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)